The Pursuit of Happyness
คำนำหน้า รีวิวหนัง The Pursuit of Happyness
สวัสดีครับทุกคน วันนี้เรามีโอกาสมาพูดถึงหนังที่สร้างแรงบันดาลใจ เรื่องราวของความมุ่งมั่นและการไม่ยอมแพ้ที่ชื่อว่า The Pursuit of Happyness หรือในชื่อภาษาไทยว่า “ยิ้มไว้ก่อนพ่อสอนไว้” ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงของ Chris Gardner ที่แสดงโดย Will Smith ในบทนำ และถือว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างดี
รายละเอียดนักแสดง
- Will Smith รับบท Chris Gardner
- Jaden Smith รับบท Christopher (ลูกชายของ Chris)
- Thandie Newton รับบท Linda (ภรรยาของ Chris)
- Brian Howe รับบท Jay Twistle
- James Karen รับบท Mr. Boss
คะแนน IMDB และ Rotten Tomatoes
สำหรับคะแนนของภาพยนตร์เรื่องนี้บน IMDB คือ 8.0/10 และคะแนนจาก Rotten Tomatoes อยู่ที่ 67% โดยคะแนนจากผู้ชมถือว่าค่อนข้างสูง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความนิยมและคุณภาพของภาพยนตร์เรื่องนี้
สรุปเนื้อเรื่อง
The Pursuit of Happyness เป็นเรื่องราวของ Chris Gardner ผู้ขายเครื่องมือแพทย์ที่มีชีวิตที่ไม่ราบรื่น เขาต้องเผชิญกับความยากลำบากในชีวิต เมื่อเขาล้มละลายและต้องดูแลลูกชาย Christopher ในขณะที่ภรรยาของเขาตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์ ทำให้ Chris ต้องต่อสู้เพื่อหางานใหม่และสร้างอนาคตที่ดีให้กับลูกชาย
Chris ได้รับโอกาสฝึกงานในบริษัทการเงินชื่อดัง แต่เขาไม่ได้รับค่าตอบแทน ซึ่งทำให้เขาต้องดิ้นรนอย่างหนักในการหาเงินและดูแลลูกชายไปพร้อมกัน ในระหว่างที่เขาต้องเจอกับความยากลำบากมากมาย เช่น การไม่มีที่อยู่และการต้องนอนในสถานีรถไฟใต้ดิน แต่ Chris ไม่เคยยอมแพ้ เขายังคงมุ่งมั่นที่จะทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้นและสอนลูกชายให้รู้จักการต่อสู้เพื่อความฝัน
ภาพยนตร์เรื่องนี้มีการนำเสนอความเป็นจริงของชีวิตที่มักจะเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่ในขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงพลังของความหวังและความรักที่ Chris มีต่อลูกชายของเขา ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงแรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นในการต่อสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ
บทส่งท้าย
หากคุณกำลังมองหาภาพยนตร์ที่สร้างแรงบันดาลใจและให้ข้อคิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิต The Pursuit of Happyness เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมาก ไม่เพียงแต่จะมีการแสดงที่ยอดเยี่ยมจาก Will Smith และ Jaden Smith เท่านั้น แต่ยังมีเนื้อหาที่ลึกซึ้งและสื่อสารถึงความสำคัญของการไม่ยอมแพ้ในชีวิตอย่างชัดเจน
คุณสามารถรับชมภาพยนตร์นี้ได้ที่ dooball ซึ่งจะช่วยให้คุณได้สัมผัสกับความรู้สึกและแรงบันดาลใจที่ Chris Gardner สื่อสารออกมาในภาพยนตร์เรื่องนี้